Scroll to top
en th

สารจากประธานกรรมการ

ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19  บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET  ยังคงมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจบนหลักนโยบายกำกับดูแลกิจการที่ดี ไปพร้อมๆกับการ พัฒนาเสริมสร้างขีดความสามารถเพื่อให้สินค้าและบริการได้รับความเชื่อมั่น

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกปีที่ท้าทายอย่างมาก ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ อยู่ในทิศทางของการเติบโตด้วยการ ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ กำหนดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของเน้นเพิ่มขีดความสามารถอยู่ตลอดเวลา ปรับกระบวนการดำเนินงานให้มีความคล่องตัวเพื่อตอบสนองการให้บริการลูกค้า ขณะเดียวกันยังเดินหน้าเพิ่มความสามารถทางการแข่งชันด้วยการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผลประกอบการอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

ตลอดระยะเวลา นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2537 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ให้ความร่วมมือที่ดีและต่อเนื่องกับกับพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนการให้ความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนในกิจกรรมประโยชน์ต่างๆ และด้วยประสบการณ์ ความชำนาญในธุรกิจ ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจต่างให้ความเชื่อมั่นมาอย่างต่อเนื่อง จนบริษัทฯสามารถนำธุรกิจเข้าสู่ยุคของเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเป็น Digital Technology Provider  ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจรอย่างเต็มตัว และสามารถตอบสนองความต้องการของสาธารณชนและกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี  จะมีโอกาสสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว

ด้วยการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับมาตรฐานระดับโลก และความร่วมมือที่ดีจากทุกฝ่าย ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้ารวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจใอย่างดีเยี่ยมเสมอมา ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทฯยังให้ความใส่ใจต่อการดูแลสังคม ชุมชน สภาพ แวดล้อม ตลอดจนให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตามหลักการความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจ ด้วย การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม

บริษัทฯมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ในการให้ความสำคัญ และตระหนักในสิทธิพื้นฐานต่างๆ ของผู้ถือหุ้น ด้วยนโยบายในการปฏิบัติและคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม  มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการค้าต่อคู่ค้าอย่างจริงใจ และให้ความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน โปร่งใส มุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง กับกับพันธมิตรทางธุรกิจ จนถึงหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนผ่านกิจกรรมประโยชน์ต่างๆ และในปี 2565 จะเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจหลายๆ ด้านทั้งสาธารณูปโภค เทคโนโลยีดิจิทัล และอื่นๆ อย่างเต็มตัว ตามแผนการลงทุนระยะยาว

ในนามของประธานกรรมการบริษัทฯ ขอขอบพระคุณคณะผู้บริหาร พนักงาน ทุกท่าน ที่ความทุ่มเทความสามารถ ความตั้งใจการมีส่วนร่วมในธุรกิจของบริษัทฯ ให้มีการเติบโต จนนำไปสู่แนวโน้มที่ดีที่จะเกิดขึ้นในหลังจากนี้ พร้อมกันนี้ขอขอบพระคุณ ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและความไว้วางใจบริษัทด้วยดีตลอดมา บริษัทฯ ขอสัญญาว่าจะมุ่งมั่นและตั้งใจในการดำเนินงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อนำพาบริษัทฯให้ก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และร่วมกันขยายธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

ดร.รัตติกร วรากูลศิริพันธุ์
ประธานกรรมการบริษัท

สารจาก CEO และ CTO

ในปี 2564 เป็นอีกปีที่ บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ได้เผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่ผลจากการดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุมโดยการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้ยังรักษาความสามารถในการทำกำไรได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั่วโลกเกิดการเร่งปรับตัวเพื่อให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ก่อให้เกิดความต้องการของตลาดสินค้า New S Curve สูง ทำให้บริษัทฯสามารถเปลี่ยนวิกฤตในครั้งนี้ให้เป็นโอกาส ด้วยการก้าวสู่การเป็น Digital Technology Provider  ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจรอย่างเต็มตัว

โดยในปี 2564 นอกจากบริษัทฯจะมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรเพิ่มทักษะ ความรู้ทางด้านไอที และเทคโนโลยีดิจิทัลแล้ว ยังมุ่งเน้นขยายตลาดสินค้าเมกะเทรนด์ในกลุ่มธุรกิจใหม่ที่กำลังขยายตัวสูงมากในปัจจุบัน ด้วยสินค้า New S Curve ของบริษัทฯ ประกอบด้วย

  1. กลุ่มสินค้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology)
  2. กลุ่มสินค้าด้านเทคโนโลยี 5จี อาทิ Cloud Computing, IoT Platform, CCTV/Video Analytics, Data Center, Telemedicine และ Energy ผ่านโครงข่ายสื่อสาร 5จี
  3. กลุ่มสินค้าเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม (Telecom) ประกอบด้วย ระบบโครงข่ายสื่อสารผ่านดาวเทียม ระบบสื่อสารมีสายและไร้สาย และระบบสื่อสารผ่านไฟเบอร์ออฟติก
  4. กลุ่มเทคโนโลยีกลุ่มระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ (Cyber Security) สำหรับการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทางด้านธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ การรักษาความปลอดภัยทางด้าน IT และ OT รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีทั้ง 4 กลุ่มนี้มาวิจัย พัฒนา ออกแบบ และรวมระบบอย่างครบวงจร จนเกิดเป็น Solution อัจฉริยะใหม่ๆ ที่มีความเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงและเกิดใหม่ สามารถรองรับความต้องการของตลาด (Emerging Market) อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลจากการดำเนินงานสู่แนวโน้มที่ดี ก่อให้บริษัทฯเกิดการเปลี่ยนครั้งใหญ่ทางโครงสร้างธุรกิจ มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 250,000,000 หุ้น เป็น 375,000,000 หุ้น เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและสภาพคล่องทางการเงินสำหรับการดำเนินธุรกิจ รวมถึงช่วยเสริมความมั่นคงให้บริษัทฯมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ได้นำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน ไปสนับสนุนการขยายธุรกิจ 5G ดิจิทัลเทคโนโลยีและ Cyber Security และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน รวมถึงรองรับการขยายกิจการและการลงทุนในอนาคต เป้าหมายเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นทุกราย และเพื่อให้เป็นไปตามแผนการลงทุนระยะยาว บริษัทฯได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ชื่อ บริษัท แพลนเน็ตยูทิลิตี้ จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจบริหารจัดการ ให้บริการผลิตน้ำประปาและไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายน้ำประปาหรือกระแสไฟฟ้า พร้อมขยายธุรกิจเพิ่มเติมด้านเทคโนโลยีกลุ่มระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ (Cyber Security)  โดยการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ชื่อ บริษัท แพลนเน็ต ไซเบอร์ จำกัด เพื่อประกอบกิจการ ซื้อ ขาย ออกแบบ ติดตั้ง และให้บริการหลังการขาย ผลิตภัณฑ์ทางด้านระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ภาครัฐ และภาคเอกชน

การที่บริษัทฯ ก้าวเข้ามาเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร (Digital Technology Provider) อย่างเต็มตัวตั้งแต่ต้นปี 2564 มีการขยายกิจการและการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องนั้น เชื่อมั่นว่าผลตอบรับที่ดีทางธุรกิจจะเริ่มเห็นความชัดเจนในหลังจากนี้

ทั้งนี้ในปี 2565 นี้ บริษัทฯจะเน้นขยายธุรกิจไปสู่เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things: IoT) นวัตกรรมด้านระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) แพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform) ระบบเสาอัจฉริยะ (Smart Pole) รวมทั้งยังขยายงานไปยังภาคธุรกิจด้านสาธารณูปโภค (Utilities) และพัฒนาโครงการด้านเทคโนโลยีขั้นสูง โดยมีแผนยุทธศาสตร์สำคัญคือมุ่งเน้นตลาด ในพื้นที่โครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งบริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท ซิลิคอน เทคโนโลยี่ พาร์ค จำกัด เพื่อการก่อสร้างและพัฒนาโครงการศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง หรือ EEC SILICON TECH PARK (EECTP) เพื่อดำเนินการออกแบบและสร้างต้นแบบเมืองดิจิทัล (Digital City) ที่ล้ำสมัยที่สุด สำหรับดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ให้มาลงทุนตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ที่โครงการ EEC SILICON TECH PARK

ด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructures) 7 ด้านคือ 1.ระบบสื่อสารมั่นคง (Nextgen Telecom/High Availability) ที่มีระบบสื่อสารสำรอง ทำให้เชื่อมต่อได้ตลอดเวลา 2.ระบบไฟฟ้ามั่นคง (Electricity High Availability)มีระบบไฟฟ้าสำรอง ทำให้มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา ดิจิทัล  3.น้ำประปาที่มีคุณภาพดื่มได้ทันที (Clean Water Supply) 4. อากาศที่ไร้มลพิษ (No Air Pollution)  5.ดูแลเฝ้าระวัง รักษาความปลอดภัยของชีวิต ทรัพย์สิน ด้วยกล้องวงจรปิดดิจิทัล และ ระบบวิเคราะห์ Analytics & AI ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อใช้ในการแจ้งเตือน สืบค้น และบริหารการจราจรภายในโครงการ   6.การบริหารสิ่งปฏิกูล (Waste Management) ในการลด การกำจัด และการนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม   และ7. การรักษาสุขภาพทางไกล (Telemedicine) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในโครงการ สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล

โดยทั้ง 7 ด้านดังกล่าวนั้นใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ของบริษัท ผสมผสานเทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลหลายด้านให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิผล อาทิ Green Energy, Nextgen Telecom, Cloud Computing, Ai/Analytic, IoT, Digital Twins, Big Data & GIS เป็นต้น  และมีการรวบรวมข้อมูล ประมวลผล แจ้งเตือน ควบคุม จัดการ และรายงานผ่าน ศูนย์ปฏิบัติการดิจิทัล Digital Monitoring and Operation Center (DMOC) ในรูปแบบ Dashboard แสดงผลบน Video Wall ขนาด 3 x 16 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ จัดการ และสามารถแก้ไขสถานการณ์ในที่เดียวอย่างทันท่วงที โดยมีเป้าหมายให้ได้ระบบการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานนี้ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการสูญเสียด้านพลังงาน ลดอัตราการก่อเกิดคาร์บอน ลดภาวะโลกร้อน เป็นระบบที่ได้มาตรฐานระดับโลก ISO และสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนคุณภาพมาสร้างเสริมอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี

จะมุ่งเน้นเจาะตลาดใหม่ ที่กำลังมีแนวโน้มต้องการเทคโนโลยีอัจฉริยะสูง ประกอบด้วย ตลาดในกลุ่มเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ซึ่งมีเป้าหมายคือ หน่วยงานเทศบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีความต้องการยกระดับการให้บริการประชาชนในพื้นที่ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งด้านสุขภาพ และความปลอดภัย รวมถึงตลาดในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Factory) เป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาด้านการผลิตด้วยหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัตโนมัติ มีความต้องการใช้เทคโนโลยี IoT Platform และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อลดต้นทุน

และอันดับสุดท้าย ตลาดกลุ่มการดูแลสุขภาพอัจฉริยะ (Smart Healthcare) มีเป้าหมายคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณะสุข เช่น สถานพยาบาล และองค์กรภายใต้กระทรวงสาธารณะสุข ด้วยเทคโนโลยี Telemedicine, Cloud Computing, Data Center และ AI เพื่อยกระดับสุขอนามัยของประชาชนในพื้นที่ห่างไกลให้ดีขึ้น สามารถเข้าถึงบริการการรักษาได้อย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโต 125% และเติบโตแตะ 3,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปีข้างหน้า

สุดท้ายนี้ บริษัทฯจะนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาล โปร่งใส และต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบมาปฏิบัติใช้อย่างเคร่งครัด พร้อมกับการรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามหลักบรรษัทภิบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตและยั่งยืนของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ที่สำคัญ บริษัทฯตระหนักและให้ความสำคัญในสิทธิพื้นฐานต่างๆ ของผู้ถือหุ้น มีนโยบายในการปฏิบัติและคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม และมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการค้า รวมถึงการปฏิบัติตามสัญญาต่อคู่ค้าอย่างจริงใจ

ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์
กรรมการผู้อำนวยการ และ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

ทรีเวอร์ ทอมป์สัน
กรรมการผู้อำนวยการ และ
ประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยี